2กลเม็ดเข้าใจลูกค้าฉบับญี่ปุ่น

กลเม็ดเข้าใจลูกค้าฉบับญี่ปุ่น

ได้ฟังอย่างนี้แล้ว เราจึงขอให้คุณเกดช่วยเผยเคล็ดลับเบื้องต้น ที่จะช่วยให้เราสามารถนำไปใช้ในการทำความเข้าใจความต้องการใหม่ๆ ของกลุ่มเป้าหมาย เพื่อจุดประกายไอเดียในการสร้างสินค้าหรือการทำการตลาดที่โดนใจและไม่มีใครเหมือน

1. สังเกตให้มาก

“แนะนำให้สังเกตลูกค้าเยอะๆ ค่ะ ตัวอย่างง่ายๆ คือมาส์กปิดปาก ในบ้านเราส่วนใหญ่ที่เห็นวางขายอยู่ก็จะเป็นมาส์กสีเขียวที่อยู่มาหลายปีแล้ว แต่ก็ไม่ได้มีใครทำอะไรใหม่ออกมา แต่ที่ญี่ปุ่นจะมีมาส์กหลายแบบมาก เพราะเขาเริ่มจากการสังเกตก่อนว่า ผู้ใช้จะรู้สึกยังไงเวลาใส่มาส์ก”
ผลจากการสังเกต ทำให้เกิดเป็นสินค้าตัวใหม่ที่ตอบโจทย์ตลาดใหม่ 2 แบบ
“เขาพบว่ามีผู้หญิงกลุ่มหนึ่งที่รู้สึกไม่อยากใส่มาส์กเลย เพราะว่าใส่แล้วฉันไม่สวย ก็จับมาเป็นตลาดกลุ่มใหม่ ออกแบบมาส์กตัวใหม่ที่ ‘ใส่แล้วสวย’ มาส์กเป็นสีชมพูอ่อนๆ และออกแบบทรงให้หน้าดูเรียวขึ้น ซึ่งนอกจากจะบุกตลาดกลุ่มใหม่ที่ไม่ชอบใส่มาส์กเพราะกลัวไม่สวยได้แล้ว มันยังสร้าง Demand ใหม่ด้วย เพราะว่ากลุ่มผู้หญิงที่วันไหนไม่มีเวลาแต่งหน้า ก็จะใช้วิธีใส่มาส์กตัวนี้เพื่ออำพราง การใส่มาส์กมันเลยไม่ใช่แค่ใส่เพื่อกันเชื้อโรคหรือฝุ่นละอองแล้ว แต่เพื่อบังหน้าตัวเอง
หรืออีกกลุ่มหนึ่งใส่มาส์กแล้วมันบาด ทำให้หน้าเป็นรอย เขาก็เลยออกสินค้าตัวใหม่เรียกว่า ‘มาส์กละมุน’ ผิวสัมผัสของมาส์กมันจะนุ่ม ไม่ระคายเคืองผิว”

2. จริงจังขึ้นอีก

“นักการตลาดญี่ปุ่นจะโฟกัสที่ผู้ใช้งานมากๆ แล้วเขาทำจริง เกดคิดว่าจริงๆ แล้วเราเรียนวิธีการทำการตลาดมาเหมือนกัน แต่ว่าญี่ปุ่นเขาจะใส่ใจและละเอียดมากกว่า เช่น ขวดน้ำต้องมีรูปทรงยังไงถึงจะถือง่าย เปิดง่าย ทิ้งง่าย บ้านเราอาจจะคิดแค่ดื่มแล้วอร่อยก็จบ
เกดมองว่าที่ผ่านมาเราอาจจะไม่ได้ใช้ความพยายามมากพอ จริงๆ แล้วเราควรจะมีการวิธีคิดไว้ในใจว่า ‘ไปได้อีกนิดน่า’ ‘ดีได้กว่านี้น่า’ แต่เหมือนเราเห็นว่าคนอื่นเขาทำกันเท่านี้ เราก็เลยทำเท่านี้”

สรุป

ท้ายที่สุดแล้ว เราจะเห็นว่าการตลาดญี่ปุ่นจะให้ความสำคัญกับการทำ Persona ของกลุ่มเป้าหมายให้ชัดเจนก่อน แล้วจึงใช้การตลาดรูปแบบต่างๆ เป็นเครื่องมือพาไปสู่ “ความต้องการ” ของตลาดเป้าหมาย ดังนั้น Real-time Marketing สไตล์ญี่ปุ่นจึงอาจไม่ได้โฟกัสที่ความเร็วเป็นอันดับหนึ่ง แต่คือการเข้าถึง Persona กลุ่มใหม่ให้เร็วที่สุด และมัดใจด้วยการช่วยแก้ปัญหาของพวกเขา หรือที่คุณเกดเรียกง่ายๆ ว่า การสร้าง “ความสุข”
“การตลาดคือการทำให้คนอื่นมีความสุข มันไม่เปลี่ยนเลย ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน แล้วยิ่งปัจจุบันเทคโนโลยีมันทำให้อะไรๆ ง่ายขึ้น ยิ่งเราใส่ใจมาก ลูกค้าก็จะยิ่งประทับใจว่า โอ้โห คิดถึงเราขนาดนี้เลยเหรอ เจ๋งว่ะ
อย่างล่าสุดที่เกดเพิ่งรู้เลยคือ ถ้าเราเซลฟี่ด้วยกล้องหน้าไอโฟนแล้วฉากหลังเป็นตัวหนังสือ มันจะกลับภาพซ้าย-ขวาให้อัตโนมัติ คือพอเรารู้แล้วเราก็จะประทับใจ แล้วก็ชอบแบรนด์นั้นต่อไป ถามว่ามันคือการตลาดแบบญี่ปุ่นหรือเปล่าเกดก็คิดว่าไม่นะ แต่แบรนด์ใหญ่ที่ประสบความสำเร็จทุกแบรนด์เขาก็คิดแบบนี้แหละ”

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

3 หัวใจหลักContent

วิธีแปลงไฟล์ PDF ให้เป็น Word

เปลี่ยนจากผู้สนใจเป็นลูกค้าได้อย่างไร? (Convert & Close)