จงทำให้ผู้แข็งแกร่งเดิมอ่อนแอลง คล้าย“เสียงเพลงที่ค่อยๆลอยหายไป”
“Welder”
นาฬิกาจากโลกอนาคต
ความเก่าแก่นับเป็นสิ่งสำคัญในวงการธุรกิจผลิตนาฬิกา
เพราะประวัติ อันยาวนานมักสัมพันธ์กับคุณภาพของผลิตภัณฑ์ มันต้องมีประวัติความเป็นมา
ยาวนานสัก 200 ปีเหมือน Vacheron onstantin (ก่อตั้งในปีพ.ศ.2298) Breguet (ก่อตั้งในปีพ.ศ.2318)
และ Jaeger-LeCoultre (ก่อตั้งในปีพ.ศ.2376)
ถึงจะกล้าอวดนามบัตรให้ใครดูได้ แน่นอนว่ามีกรณีที่“ผู้มาใหม่” สามารถต่อสู้ ได้อย่างเก่งกาจด้วยเช่นกัน
แบรนด์อย่าง Chanel หรือ Gucci ก็เป็นกรณี
ที่ประสบความสำเร็จได้ด้วยพลังของแบรนด์ที่สั่งสมมาจากการทำธุรกิจประเภทอื่น ร่วมกับดีไซน์ที่ไม่เหมือนใคร
หรือ Cartier แบรนด์เครื่องประดับที่เรียกความนิยม ด้วยการใช้จุดแข็งของตัวเองดีไซน์นาฬิกาและกล่องเก็บนาฬิกาที่ตกแต่งด้วยอัญมณี
อย่างไรก็ตาม ธุรกิจประเภทนี้จำเป็นต้องมีความเชี่ยวชาญสูงมาก แบรนด์เก่าแก่ ที่มีทั้งประวัติความเป็นมาและเทคโนโลยีจึงยังคงมีพลังมากอยู่เช่นเดิม
ทว่ามีบริษัทแห่งหนึ่งซึ่งไม่ได้มีทั้งประวัติความเป็นมา
เทคโนโลยี และ พลังของแบรนด์ จู่ๆ ก็ปรากฏตัวขึ้น เขย่าวงการธุรกิจผลิตนาฬิกาซึ่งดูเหมือนว่า
จะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงอีกต่อไปแล้ว บริษัทที่กล่าวถึงก็คือ Welder แบรนด์ นาฬิการะดับโลกของอิตาลีนั่นเอง
Welder พุ่งเป้าหมายไปที่ “สินค้าคุณภาพสูงในราคาที่สมเหตุสมผล
(affordable luxury)”ของวงการธุรกิจผลิตนาฬิกา ซึ่งเป็นจุดยืนที่แตกต่างจาก
แบรนด์นาฬิกาอื่น ๆ ที่มีในขณะนั้นโดยสิ้นเชิง ในขณะที่บริษัทผลิตนาฬิกาดังๆ ต่างยึดติดกับ“ความเก่าแก่จากอดีต” แต่ Welder กลับพูดถึง“อนาคต”
แบรนด์ อื่นๆใช้ความเป็นสินค้าทำมือโดยช่างผู้เชี่ยวชาญหรือเทคโนโลยีที่โดดเด่นมาเป็น
การตลาด เช่น Vacheron Constantin ที่เรียกช่างฝีมือของเขาที่มุ่งมั่นนั่งทำงาน
เป็นเวลานานในห้องทำงานว่า “ช่างฝีมือในห้องเล็ก” เพื่อจะเน้นย้ำว่าผลิตภัณฑ์ ของตนทำขึ้นโดยช่างฝีมือ หรือ Breguet ที่ใช้ “แรงบันดาลใจทางวัฒนธรรมกับเทคโนโลยีที่ไม่มีใครคาดคิดที่ส่งผ่านทางนาฬิกา”
เป็นปรัชญาของแบรนด์
Welder นั้นแตกต่างออกไป ตั้งแต่ชื่อของแบรนด์ คำว่า welder ที่ แปลว่า ช่างเชื่อม นอกจากจะใช้แสดงถึงความใส่ใจในการประกอบชิ้นส่วนแต่ละ
ชิ้นเข้าด้วยกันแล้ว เมื่อใช้คำว่าช่างเชื่อม แม้จะดูทื่อๆไปเสียหน่อย แต่อาจ จะมีความหมายแฝงอยู่ในชื่อนี้ก็เป็นได้ ซึ่งนั่นก็คือการทำนาฬิกาขึ้นจากแนวคิด
ที่ว่า มนุษยชาติวิวัฒนาการมาจากการที่คนเรา “เชื่อม” ความรู้สึก อารมณ์
ความ สนใจ และความงามที่เคยได้พบเจอมาตลอดชีวิตเข้าไว้ด้วยกัน
คำว่า weld หรือการเชื่อม สำหรับพวกเขาจึงหมายถึงการเชื่อมโยงอดีตกับอนาคต
การ เชื่อมโยงลูกค้ากับผลิตภัณฑ์ และการเชื่อมโยงลูกค้ากับความสำเร็จให้เป็น หนึ่งเดียว
คือ “ความเป็นหนึ่งเดียวกันที่แข็งแกร่ง” ในมิติที่ต่างไปจากการยึดติด ธรรมดาๆทั่วไป และเท่ากับเป็นการแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นที่จะผลิตนาฬิกา
ให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภค
ถ้าเช่นนั้น Welder สร้างผลิตภัณฑ์ที่มีความเป็นหนึ่งเดียวกันที่แข็งแกร่ง
และตรงกับความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างไร ทั้งนี้ธุรกิจแต่ละประเภทมักจะมีกฎเกณฑ์พื้นฐานที่ถือปฏิบัติกันอยู่
ซึ่งสำหรับธุรกิจนาฬิกานั้นกฎเกณฑ์ที่ว่า ก็คือทิศทางของเม็ดมะยม (ก้านสำหรับไขลานนาฬิกา)
โดยนาฬิกาทั่วไปแม้ว่าจะ มีดีไซน์และคุณสมบัติที่แตกต่างกัน แต่ก็จะใส่ก้านไขลานนี้ไว้ฝั่งขวาของนาฬิกา
เหมือน ๆ กัน เป็นการออกแบบเพื่อให้คนถนัดขวาซึ่งพิจารณาแล้วว่าเป็นคน หมู่มากสามารถใช้ปรับเข็มนาฬิกาได้สะดวก
ทั้งที่ในความเป็นจริง นาน ๆ ครั้ง เราถึงจะได้ใช้งานมันสักที และนอกจากจะทำให้หลังมือคนใส่เป็นรอยแล้ว
มัน ก็มักจะเที่ยวไปเกี่ยวนู่นเกี่ยวนี่ให้รำคาญใจอยู่เสมอ ด้วยเหตุนี้Welder จึงย้าย ก้านไขลานไปอยู่ฝั่งซ้ายของนาฬิกาแทน ซึ่งเป็นการแหกกฎเกณฑ์พื้นฐานที่มีอยู่
อย่างกล้าหาญและแก้ปัญหาให้แก่ลูกค้าได้
นี่ยังไม่ใช่ทั้งหมด ยังมีเรื่องที่ทำให้เราเห็นถึงแนวคิดที่แตกต่างของ
Welder ได้ชัดเจนยิ่งขึ้นอีก นาฬิกาทั่วไปในตอนนั้นจะเขียนคำว่า
Since ตามด้วยปีที่ ผลิตไว้ที่นาฬิกา เพื่อโชว์ว่าบริษัทของพวกเขาอยู่มานานขนาดไหนแล้ว
นาฬิกา แบรนด์ดังทั้งหลายต่างโอ้อวดถึงประวัติความเป็นมาอันยาวนานซึ่งโดยทั่วไป จะอยู่ที่ประมาณ
150 ถึง 180 ปี ทำให้ตัวเลขของผู้มาใหม่ดูต่ำต้อยไปโดยไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
ทว่านาฬิกาของ Welder นั้นเขียนไว้ว่า “Since 2075” นาฬิกา
ที่เริ่มต้นจากปีที่ยังมาไม่ถึง หรือต้องการจะบอกว่านี่เป็นนาฬิกาที่มาจาก โลกอนาคตนั่นเอง
ปีก่อตั้งบริษัทของ Welder คือปีค.ศ.2007 ซึ่งเป็นตัวเลข ที่เปิดเผยไปก็คงไม่เกิดประโยชน์อะไร
Welder จึงละทิ้งมันอย่างกล้าหาญและ เข้าถึงลูกค้าว่า “เรานำเสนอดีไซน์ที่ล้ำสมัยของปีค.ศ.2075 ให้แก่ลูกค้า” Welder ยืนยันอย่างภาคภูมิใจว่าลูกค้าของตนกำลังสวมนาฬิกาที่มีดีไซน์และเทคโนโลยี
ของโลกแห่งอนาคตซึ่งยังมาไม่ถึง
อันที่จริงดีไซน์ของนาฬิกา
Welder ก็ดูเข้ากับภาพยนตร์แนววิทยาศาสตร์ ในอนาคตอย่างเรื่องเอเลี่ยน
อยู่เหมือนกัน คนที่ทำงานที่ Welder เองยังพูด ติดตลกว่า “ถ้าคุณนั่งไทม์แมชีนไปยังโลกอนาคต ก็จะมีแต่นาฬิกาของ Welder เท่านั้นที่เหมาะสมกับยุคสมัย” กล่องใส่นาฬิกาของ Welder
ก็มีดีไซน์ที่เป็น เอกลักษณ์ แตกต่างไปจากกล่องใส่นาฬิกาทั่วไปอย่างมาก
เป็นกล่องใส่นาฬิกา ที่ลักษณะคล้ายกล่องใส่เครื่องมือ ขณะที่ทุกคนต่างมองหาดีไซน์ที่สวยงามและ
หรูหรา Welder นำเสนอเสน่ห์แบบทื่อๆที่ทำให้รู้สึกเหมือนว่าเครื่องมือช่างจะหล่น
ออกมาเมื่อเปิดกล่อง
Welder คือแบรนด์ที่พูดถึงความฝันถึงอนาคตแทนที่จะเป็นเรื่องมรดกจาก
อดีต และดึงดูดความสนใจด้วยภาพลักษณ์ที่แม้จะดูกระด้างแต่ก็จริงใจ ไม่ใช่ วางฟอร์มให้ดูหรูหรา
ซึ่งการทำลายและการวิ่งสวนทางอย่างสร้างสรรค์ที่ล้มล้างกฎเกณฑ์พื้นฐานที่ทุกคนยึดถือไว้ได้อย่างรวดเร็วเช่นนี้
เป็นเคล็ดลับที่จะทำให้ Welder ประสบความสำเร็จในตลาดที่มีผู้แข็งแกร่งเดิมควบคุมเอาไว้
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น