เปลี่ยนแนวคิดจาก “สิ่งที่ทุกคนไม่อยากได้” ให้เป็น“สิ่งที่ทุกคนอยากเก็บไว้”


            รถบรรทุกที่แล่นอยู่ตามท้องถนนตอนฝนตกจะคลุมผ้าใบกันฝนไว้ ซึ่ง แน่นอนว่าผ้าใบกันฝนเหล่านั้นคงเปรอะฝุ่นเต็มไปหมด ถ้าเราบอกว่าจะใช้ผ้าใบ เปื้อนฝุ่นนั้นทำกระเป๋าขึ้นมา โดยจะขายให้ในราคาไม่ต่ำกว่า 150,000 วอนหรือ อาจสูงถึง 1 ล้านวอน คนอื่นคงมองเราแบบแปลกๆ เพราะคิดว่ากระเป๋าที่ทำจาก ผ้าใบสกปรกพวกนี้จะมีใครซื้อ
            ทว่า Freitag แบรนด์กระเป๋าจากสวิตเซอร์แลนด์ ได้สร้างธุรกิจจาก สิ่งที่คนคิดว่าเป็นไปไม่ได้นี้จนประสบความสำเร็จอย่างท่วมท้นมากว่า 20 ปีแล้ว ถึงขนาดว่าลูกค้าตัวยงที่ชื่นชอบแบรนด์มาก ๆ มีกระเป๋า Freitag อยู่เกินกว่า 200 ใบ จึงไม่มีใครกล้าออกมาวิพากษ์วิจารณ์ความสำเร็จของพวกเขา เคล็ดลับ ของธุรกิจที่ไม่เหมือนใครนี้อยู่ที่การเปลี่ยนแนวคิดจาก สิ่งที่ทุกคนไม่อยากได้ให้เป็นสิ่งที่ทุกคนอยากเก็บไว้คนทั่วไปมักพูดว่า Freitag ประสบความสำเร็จ อย่างยิ่งใหญ่จากการนำวัสดุกลับมาใช้ใหม่ แต่แท้จริงแล้วเคล็ดลับความสำเร็จ ของ Freitag นั้นอยู่ในรหัสไฮเอนด์ที่ไม่เหมือนใคร โดยปรับใช้กลยุทธ์ของแบรนด์ คุณภาพ
            รหัสไฮเอนด์ตัวแรกของ Freitag คือกฎแห่งความซื่อสัตย์ที่จะไม่ทำวัสดุปลอมขึ้นมาใช้ พนักงานของ Freitag ให้ข้อมูลว่าพวกเขาสามารถผลิตกระเป๋า ได้เพียง 400,000 ใบต่อปี เพราะการรักษากฎข้อนี้ทำให้มีข้อจำกัดเรื่องวัสดุ โดย Freitag ยืนกรานว่าจะใช้เฉพาะผ้าใบที่ผ่านการใช้แล้วจริงๆจากบริษัทขนส่ง มีพนักงานประมาณ 4 คนที่รับผิดชอบเรื่องนี้ ซึ่งแม้ว่าพวกเขาจะเดินทางไป รอบโลกตลอดทั้งปีเพื่อเสาะหาผ้าใบกันฝนที่ใช้มาแล้วเกิน 5 ปี แต่ก็หาได้แค่ราวๆ 400 ตันเท่านั้น และใช่ว่า Freitag จะใช้ผ้าใบกันฝนทั้งหมดที่หามาได้ ผ้าใบ ผืนเก่าพวกนั้นจะถูกนำมาคัดเลือกเฉพาะส่วนที่มีลวดลายที่สื่อได้ถึงเอกลักษณ์ ของ Freitag ตลอดจนนำไปผ่านกระบวนการต่างๆ เช่น การซัก ทำให้แห้ง การตัด เป็นต้น และทุกขั้นตอนล้วนทำด้วยมือ ดังนั้น โดยปกติในการผลิต กระเป๋า Freitag 1 ใบจึงต้องใช้เวลาประมาณ 2 เดือนเลยทีเดียว ด้วยกฎแห่ง ความซื่อสัตย์นี้ส่งผลให้กระเป๋าแมสเซนเจอร์กระเป๋ารุ่นใหม่ล่าสุดของ Freitag ได้ถูกนำไปจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์ศิลปะที่กรุงนิวยอร์กเป็นที่เรียบร้อย
            รหัสไฮเอนด์ตัวที่สองคือการให้นิยามใหม่ทางความคิด คนเราเวลาซื้อของ ก็ต้องการของที่ไม่มีตำหนิ แต่ Freitag ได้ให้นิยามใหม่ว่าตำหนิที่ทุกคนไม่ต้องการ นั้นกลายเป็นเรื่องเล่าให้แก่สินค้าได้ เมื่อเห็นตำหนิตามจุดต่างๆ บนกระเป๋า Freitag ทำให้เรานึกอะไรขึ้นมาได้หลายอย่าง ผ้าใบกันฝนของรถบรรทุกที่วิ่งไป วิ่งมาตามท้องถนน ทั้งในวันที่ฝนตก แดดออก ทั้งกลางวันและกลางคืน ตลอด ทุกฤดูกาล อาจทำให้เห็นภาพเถ้าแก่เนี้ยสูงวัยคนหนึ่งนั่งอยู่ในร้านเหล้าแถวท่าเรือ ที่ไหนสักแห่งลอยขึ้นมาก็ได้ ลวดลายตัวอักษรเก่าๆ หรือรอยถลอกที่อยู่บน กระเป๋า Freitag ก็ไม่ใช่สิ่งที่จะลดคุณค่าของกระเป๋า แต่เป็นเรื่องราวที่เพิ่มคุณค่า ของกระเป๋าให้มากยิ่งขึ้น
            ในขณะที่กระเป๋ายี่ห้ออื่นประเมินคุณค่าพื้นฐานจากความหรูหรา ความ ทันสมัย แต่ Freitag นำเสนอคุณค่าใหม่ที่เรียกว่าของเสียและการนำกลับมาใช้ใหม่ เหมือนประโยคที่ว่าเมื่อทุกคนขายเหล้า เราต้องขายข้าว

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

3 หัวใจหลักContent

วิธีแปลงไฟล์ PDF ให้เป็น Word

เปลี่ยนจากผู้สนใจเป็นลูกค้าได้อย่างไร? (Convert & Close)